AdsR6

AdsR1

AdsR5

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

หนองในแท้

หนองในแท้

     โรคหนองในแท้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae เชื้อนี้จะทำให้เกิดโรคเฉพาะเยื่อเมือก mucous membrance เช่น เยื่อเมือกในท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก และเยื่อบุมดลูก, ท่อรังไข่, ทวารหนัก, คอ และเยื่อบุตา อาการที่พบได้บ่อยสำหรับผู้ชายคือ ปวดแสบขณะปัสสาวะ และมีหนองสีเหลือง สำหรับผู้หญิง ครึ่งหนึ่งมักไม่มีอาการ หรือ มีตกขาว หรือเลือดผิดปกติ และปวดอุ้งเชิงกราน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถ้าเป็นโรคหนองในแท้โดยที่ไม่ได้รักษา มันสามารถแพร่กระจายเฉพาะที่เกิดเป็นโรค epididymitis หรือ pelvic inflammatory disease หรือ แพร่กระจายตามส่วนต่าง ๆ มีผลต่อข้อและลิ้นหัวใจ

     การรักษามักใช้ยา ceftriaxone เนื่องจากมีการพัฒนาการดื้อต่อยา(antibiotic resistance) ต่อยาหลายตัวที่ใช้กันก่อนหน้านี้ โดยทั่วไปแล้ว มักใช้ร่วมกับ azithromycin หรือ doxycycline มีเชื้อ gonorrhea บางสายพันธุ์ ดื้อต่อยา ceftriaxone

อย่าปล่อยให้ใส้กรอกคุณ กลายเป็นใส้กรอกชีส!!

อาการ

      ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยหญิงมักไม่มีอาการ หรืออาจมีอาการตกขาว หรือเลือดผิดปกติ ปวดทองน้อย หรือปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ สำหรับผู้ป่วยชายจะมีอาการท่อปัสสาวะอักเสบ โดยมีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะและมีหนองสีเหลืองไหลออกจากองคชาต การมีเพศสัมพันธ์ทางปากทำให้ได้รับเชื้อจากคนที่เป็นโรค โดยมักจะเป็นเพศชาย 90% ไม่มีอาการทางปาก 10% มีอาการเจ็บคอ ระยะฟักตัว 2 - 14 วัน โดยมักมีอาการเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 6 วันหลังจากติดเชื้อ ในผู้ป่วยส่วนน้อยบางคนอาจมีโรคบริเวณผิวหนังและปวดบวมที่ข้อหลังจากที่เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด มีผู้ป่วยไม่กี่รายที่มีอาการที่หัวใจทำให้เป็นโรค endocarditis หรือที่ไขสันหลังทำให้เป็นโรค meningitis(ทั้งสองโรคมักเกิดในผู้ป่วยที่ถูกกดระบบภูมิคุ้มกัน)

คงไม่ดีแน่ๆ ถ้าน้องชายคุณผลิตโยเกิดเองได้

การติดต่อ

     ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก การมีเพศสัมพันธ์ทางปากจะทำให้เชื้อติดต่อทั้งจากอวัยวเพศไปปาก และจากปากไปอวัยวะเพศ ในกรณีที่ช่องคลอดหรืออวัยวะเพศปนเปื้อนหนองที่มีเชื้อก็สามารถติดเชื้อนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องร่วมเพศ และยิ่งมีเพศสัมพันธ์กับคู่ขามากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มขึ้น การนั่งฝาโถส้วมหรือสัมผัสมือกันไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อนี้

การวินิจฉัย

     โดยทั่วไปแล้ว วินิจฉัยจากย้อมเชื้อ (gram stain) และเพาะเชื้อ (culture) อย่างไรก็ตาม การทดสอบแบบใหม่ polymerase chain reaction (PCR) เป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้ป่วยทุกคนที่ทดสอบแล้วได้ผลบวกต่อเชื้อหนองในแท้ ควรจะทดสอบตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น chlamydia, syphilis, aids/hiv

การป้องกัน

     การป้องกันจากเชื้อหนองในแท้จากการงดเว้นมีเพศสัมพันธ์ สามารถลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโดยการใช้ถุงยางอนามัยและมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองคนเดียวที่ไม่เป็นโรค

การรักษา

     ในปี 2010 ยา ceftriaxone แบบฉีด เป็นยาหนึ่งในยา antibiotics ที่ได้ผล โดยทั่วไปแล้วให้ร่วมกับยา azithromycin หรือ doxycycline

     ยา antibiotics หลายตัวที่เคยได้ผลประกอบด้วย penicillin, tetracycline และ fluoroquinolone ไม่ได้รับการรับรองเพราะมีอัตราการดื้อยาสูง การดื้อต่อยา cefixime ถึงระดับที่ไม่สามารถรับรองเป็นยา first line ในประเทศสหรัฐอเมริกา และถ้ายาชนิดนี้ถูกใช้ในคน ควรจะทดสอบอีกครั้งหลัง 1 สัปดาห์ เพื่อตัดสินใจถ้ามีการติดเชื้อยังคงอยู่ ผู้ป่วยรายที่มีการดื้อยาต่อ ceftriaxone ถูกประกาศแต่ยังมีน้อย

     มีการแนะนำให้ผู้ที่ร่วมเพศด้วยได้รับการตรวจและรักษา

ระบาดวิทยา

     Gonorrhea เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อย WHO ประมาณการว่ามี 62 ล้านผู้ป่วยที่เป็น gonorrhea ปรากฏแต่ละปี

     ในประเทศอังกฤษ จำนวนผู้ชาย 196 คนต่อ 100,000 คน อายุ 20 ถึง 24 ปี และจำนวนผู้หญิง 133 คนต่อ 100,000 คน อายุ 16 ถึง 19 ปี ได้รับการวินิจฉัยในปี 2005 CDC ประมาณการว่ามากกว่า 700,000 คนในประเทศสหรัฐฯ ได้รับการติดเชื้อ gonorrhea แต่ละปี แค่ประมาณครึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้ถูกประกาศต่อ CDC ในปี 2004 ผู้ป่วย gonorrhea 330,132 คน ถูกประกาศต่อ CDC หลังจากการทำให้เกิดผลของโปรแกรมการควบคุม gonorrhea แห่งชาติ ในครึ่งปี 1970, อัตราการเป็นโรค gonorrhea ลดลงจาก 1975 ถึง 1997 หลังจากมีการเพิ่มเล็กน้อยในปี 1998 อัตราการเป็นโรค gonorrhea ได้ลดลงอย่างเล็กน้อยตั้งแต่ปี 1999 ในปี 2004 อัตราการการติดเชื้อเป็น 113.5 คนต่อ 100,000 คน

     ในประเทศสหรัฐฯ Gonorrhea เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยเป็นอับดับ 2 รองจาก chlamydia จาก CDC, ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเป็นโรค gonorrhea มากที่สุด ชาวผิวดำเป็นประมาณ 69% ต่อผู้ป่วย gonorrhea ทั้งหมดในปี 2010

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

ระบบสืบพันธุ์เพศชาย

ระบบสืบพันธุ์เพศชาย

ระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย


      1. อัณฑะ (Testis) มี 2 ข้าง ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย และสร้างฮอร์โมนเพศชายที่ใช้ควบคุมลักษณะต่างๆ ของเพศชาย เช่น เสียงห้าว มีหนวดเครา มีขนหน้าแข้ง ภายในอัณฑะประกอบด้วยหลอดสร้างอสุจิ (Seminiferous Tubule) มีลักษณะเป็นท่อขดเรียงกัน ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ ตัวอสุจิมีจำนวนโครโมโซมครึ่งหนึ่ง (23 เส้น) ของเซลล์ร่างกาย (46 เส้น) หลอดสร้างตัวอสุจิจะมีข้างละประมาณ 800 หลอด แต่ละหลอดมีขนาดเท่าเส้นด้าย ยาวทั้งหมดประมาณ 800 เมตร อัณฑะทั้งสองข้างบรรจุอยู่ในถุงอัณฑะ (Scrotum) ซึ่งทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิให้ต่ำกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส เพื่อให้เหมาะสมในการสร้างตัวอสุจิ

     2. หลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) อยู่ด้านบนของอัณฑะ ทำหน้าที่เก็บตัวอสุจิจนตัวอสุจิแข็งแรงพร้อมที่จะปฏิสนธิ

     3. ท่อนำตัวอสุจิ (Vas Deferens) อยู่ต่อจากหลอดเก็บตัวอสุจิ ทำหน้าที่ลำเลียงตัวอสุจิไปเก็บไว้ที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ

     4. ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ (Seminal Vesicle) ทำหน้าที่สร้างอาหารมาเลี้ยงตัวอสุจิ ได้แก่ น้ำตาลฟรักโทส วิตามินซี โปรตีนโกลบูลิน และสร้างของเหลวเพื่อทำให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ

     5. ต่อมลูกหมาก (Prostate Gland) อยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่สร้างสารที่เป็นเบสอย่างอ่อนเพื่อผสมกับน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ เป็นการลดความเป็นกรดในท่อปัสสาวะ ช่วยให้ตัวอสุจิเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น

     6. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper’s Gland) อยู่ใต้ต่อมลูกหมาก ทำหน้าที่สร้างเมือกหล่อลื่นในท่อปัสสาวะ เพื่อให้ตัวอสุจิเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น

     โดยทั่วไปเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิเมื่ออายุ 12-13 ปี และจะสร้างไปตลอดชีวิต การหลั่งน้ำอสุจิออกมาแต่ละครั้งจะมีของเหลวประมาณ 3-4 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 350-500 ล้านตัว น้ำอสุจิจะถูกขับออกทางท่อปัสสาวะ และออกจากร่างกายตรงปลายสุดของอวัยวะเพศ ตัวอสุจิเมื่อออกสู่ภายนอกจะมีชีวิตได้เพียง 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าอยู่ในมดลูกของเพศหญิงจะอยู่ได้นานประมาณ 24-48 ชั่วโมง เพศชายที่มีปริมาณอสุจิน้อยกว่า 30-50 ล้านตัวต่อ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือมีตัวอสุจิที่ผิดปกติมากกว่าร้อยละ 25 จัดว่าเป็นหมัน
     ตัวอสุจิมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนตัว และส่วนหาง ซึ่งทำให้ตัวอสุจิเคลื่อนที่ได้ ขนาดของตัวอสุจิเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดู

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

อสุจิหลังแล้วอยู่ได้นานไหม

อสุจิหลังแล้วอยู่ได้นานไหม

การหลังออกสู่ภายนอก(หรือช่วนตัวเอง)

     อสุจินั้น สามารถอยู่ภายนอกร่างกายได้ประมาณ 2 ชั่วโมง และต้องอยู่ที่อุณหภูมิตำกว่าร่างกายเล็กน้อย(ประมาณ 35-36 c) ถ้าหากไม่ได้อยู่ในอุณหภูมิประมาณนี้หรือจำนวนน้ำกามน้อยอายุจะน้อยลง (แห้งตา ยหนาวตาย ร้อนตาย)


การหลังภายในช่องคลอด(แตกใน)

     ส่วนการมีชีวิตในช่องคลอดผู้หญิงนั้นเนื่องจากเป็นสถานที่ๆ สร้างไว้เพื่อให้อสุจิมีชีวิตอยู่ได้นานทำให้อายุของอสุจิที่ถูกปล่อยเข้าไปมีอายุได้ ประมาณ 2 วัน เพื่อรอไข่มาผสมจนเกิดการปฏิสนธิต่อไป ถ้าไม่มีไข่มาผสมตัวอสุจิก็จะตาย

     การล้างช่องคลอดทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์มีส่วนช่วยทำให้ปริมาณของอสุจิลด ลง แต่ก็ยังไม่หมด  ซึ่งจะมีอสุจิหลงเหลืออยู่ในช่องคลอดรอการผสมกับไข่ จึงทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้และแพทย์ก็สามารถตรวจพบอสุจิได้จากช่องคลอดของผู้หญิงที่ถูกข่มขืน แม้ว่าจะได้ทำการล้างช่องคลอดหลังถูกข่มขืนแล้วก็ตาม 

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การหลั่งน้ำอสุจิ

การหลั่งน้ำอสุจิ


     การหลั่งน้ำอสุจิ (อังกฤษ: Ejaculation) คือการหลั่งน้ำอสุจิออกจากองคชาต มักเกิดพร้อมไปกับการมีจุดสุดยอดทางเพศ ถือเป็นด่านสุดท้ายและเป็นเป้าหมายทางธรรมชาติ ของการปลุกเร้าทางเพศ และเป็นสิ่งจำเป็นของการเกิดขึ้นทางธรรมชาติ การหลั่งในกรณีที่หายาก เกิดจากเชื้อโรคกับลูกหมาก การหลั่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นเองในขณะหลับ (เป็นการหลั่งในช่วงกลางคืน หรือเรียกว่า ฝันเปียก) ภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวเป็นเงื่อนไขอีกประการที่ทำให้ไม่เกิดการ หลั่งน้ำอสุจิ

การปลุกเร้า

     โดยปกติแล้วก่อนการเกิดการหลั่ง จะเกิดการตื่นตัวทางเพศของฝ่ายชาย นำไปสู่การแข็งตัวขององคชาต และถึงแม้ว่าการตื่นตัวทางเพศทุกครั้งจะไม่นำไปสู่การหลั่งน้ำอสุจิ การตื่นตัวทางเพศในช่องคลอด ออรัลเซ็กซ์ หรือ การร่วมเพศทางทวารหนัก หรือการสำเร็จความใคร่ อาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ชายในการนำไปสู่จุดสุดยอดทางเพศและการหลั่งน้ำ อสุจิ ส่วนระยะเวลาที่ต้องการในการปลุกเร้าทางเพศ มีความหลากหลายกันไป ในการทำให้หลั่ง
การหลั่งเร็ว เป็นคำที่ใช้สำหรับการหลั่งที่เกิดขึ้นก่อนเวลาที่ต้องการ ถ้าผู้ชายไม่สามารถที่จะหลั่งได้หลังจากเล้าโลมยาวนาน ถึงแม้จะเกิดความต้องการแล้ว เรียกว่า การหลั่งช้า และการถึงจุดสุดยอดแล้วแต่ไม่เกิดการหลั่งขึ้นมาก็มี

การหลั่ง

     เมื่อผู้ชายถึงขั้นในระดับที่เพียงพอที่จะเกิดการหลั่งขึ้น ณ จุดนั้น ภายใต้การควบคุมของระบบประสาท อสุจิจะวิ่งผ่านท่อเข้าผสมกับของเหลวจากต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ, ต่อมลูกหมาก และต่อมบัลโบยูรีทรัล ก่อให้เกิดอสุจิ น้ำอสุจิจะพุ่งผ่านท่อปัสสาวะ หดเกร็งเป็นจังหวะ จังหวะการหดเกร็งนี้เป็นส่วนหนึ่งของจุดสุดยอดทางเพศ ซึ่งเกิดขึ้นโดยกล้ามเนื้อบัลโบสปองจิโอซูส โดยทั่วไปแล้วจุดสุดยอดทางเพศของผู้ชายสามารถนานถึง 17 วินาที แต่อาจต่างจากนั้นหลายวินาทีหรือถึง 1 นาที
หลังจากถึงจุดสุดยอดแล้ว จังหวะของอสุจิจะเริ่มไหลออกจากท่อปัสสาวะ ถึงจุดปลายสุดและหลังจากนั้นก็ไหลออกมาน้อยลงตามมา จุดสุดยอดมักจะเกิดการหดเกร็งราว 10-15 ครั้ง และหลังจากที่เกิดการหดเกร็งครั้งแรกแล้ว ไม่สามารถที่จะต้านการหลั่งออกได้ ค่าการหดเกร็งเบื้องต้นจะมีระยะห่างราว 0.6 วินาที หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.1 วินาทีต่อการหดเกร็ง
การหลั่งเริ่มขึ้นระหว่าง การหดเกร็งครั้งแรกหรือครั้งที่สองของการถึงจุดสุดยอด ผู้ชายโดยมากจะพุ่งน้ำอสุจิระหว่างการหดเกร็งครั้งที่สอง ในการศึกษาของกลุ่มศึกษาเล็ก ๆ ของผู้ชาย 7 คน พบว่าระหว่าง 26 และ 60 % ของการหดเกร็งระหว่างการถึงจุดสุดยอด จะเกิดการพุ่งของอสุจิเกิดขึ้น

ระยะดื้อ

     ผู้ชายส่วนใหญ่มักมีประสบการณ์ ระยะดื้อหลังถึงจุดสุดยอด เกิดขึ้นในช่วงที่พวกเขาไม่สามารถทำให้เกิดการแข็งตัวได้ ในระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะสามารถหลั่งได้อีกหน ระยะการดื้อมีหลายองค์ประกอบ อย่างเช่น อายุ ชายหนุ่มจะสามารถแข็งตัวได้รวดเร็วกว่าคนที่แก่กว่า แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างแตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายส่วนใหญ่จะยังพอสามารถปลุกเร้าได้ทันทีหลังจากการหลั่ง และบางคนอาจมีช่วงดื้อน้อยกว่า 15 หรือ 20 นาทีการฟื้นตัวในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้สามารถมีกิจกรรมทางเพศต่อเนื่องในการหลั่งครั้งต่อไปได้

ปริมาณ

     จำนวนของอสุจิที่หลั่งออกมา มีความไม่แน่นอน อาจอยู่ที่ 0.1–11 มิลลิลิตร ปริมาณอสุจิของผู้ใหญ่มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับระยะครั้งสุดท้ายของการ หลั่งด้วย ปริมาณน้ำอสุจิที่มากกว่าอาจเกิดจากระยะห่างของการงดเว้นการหลั่ง แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจะเพิ่มจำนวนการหลั่งขึ้น หรือลดลง หรือไม่มีผล ในกรณีมะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะเวลาของการแข็งตัวสามารถมีผลต่อปริมาณเช่นกัน อายุก็มีผลต่อปริมาณของน้ำอสุจิเช่นกัน

พัฒนาการ

วัยแตกเนื้อหนุ่ม

     การหลั่งน้ำอสุจิครั้งแรกของผู้ชาย เกิดขึ้นราว 12 เดือน หลังจากที่แตกเนื้อหนุ่ม แต่เป็นจำนวนที่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการสำเร็จความใคร่หรือฝันเปียก โดยทั่วไปการหลั่งออกมาหลังจาก 3 เดือนที่ผลิตอสุจิมาน้อยกว่า 1 มิลลิลิตร อสุจิถูกผลิตออกมาตั้งแต่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่มซึ่งจะใส หลังจากการหลั่งช่วงแรก ๆ จะมีลักษณะเหมือนเจลลี่ ไม่เหมือนน้ำอสุจิของผู้ใหญ่ที่เป็นของเหลว ด้านล่างเป็นตารางสรุปพัฒนาการของการหลั่งน้ำอสุจิ
     โดยส่วนใหญ่ การเกิดการหลั่งครั้งแรก (90%) จะไม่ค่อยมีสเปิร์ม และในช่วงการหลั่งต้น ๆ ที่อาจมีสเปิร์ม แต่ส่วนใหญ่แล้วสเปิร์ม (97%) จะไม่เคลื่อนไหว ส่วนที่เหลือ (3%) จะเคลื่อนไหวผิดปกติ
เมื่อผ่านช่วงวัยแตกหนุ่ม น้ำอสุจิจะพัฒนาเพิ่มทั้งปริมาณและสเปิร์มสู่ภาวะปกติ น้ำอสุจิจะผลิตขึ้น 12 ถึง 14 เดือนหลังจากการหลั่งของเหลวครั้งแรก ภายใน 24 เดือนหลังจากหลั่งครั้งแรก ปริมาณและปริมาตรและลักษณะของสเปิร์มมีความเหมาะสมดี กลายเป็นน้ำอสุจิที่เป็นผู้ใหญ่

การพัฒนาการหลั่งน้ำอสุจิในระหว่างวัยแตกเนื้อหนุ่ม
เวลาหลังการหลั่งครั้งแรก
(เดือน)
ปริมาตรเฉลี่ย
(มิลลิลิตร)
ของเหลว ค่าเฉลี่ยสเปิร์ม
(ล้านตัว/มิลลิลิตร)
0 0.5 ไม่ (1) 0
6 1.0 ไม่ (1) 20
12 2.5 ก้ำกึ่ง (2) 50
18 3.0 ใช่ (3) 70
24 3.5 ใช่ (3) 80
หมายเหตุ (1) - การหลั่งดูเหมือนเจลลี่
หมายเหตุ (2) - โดยมากเป็นของเหลว แต่ยังคงดูเหมือนเจลลี่
หมายเหตุ (3) - มีของเหลวภายใน 1 ชั่วโมง

เปลี่ยนรสชาติของน้ำอสุจิ

เปลี่ยนรสชาติของน้ำอสุจิ

 น้ำอสุจิของคนเรานี้มีรสชาติยังไง? 
 แล้วแต่ละคนมีรสชาติต่างกันหรือไม่ ? 
 แล้วมีวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยเปลี่ยนรสชาติของน้ำอสุจิให้เป็นแบบที่ผู้หญิงชอบ ?

มันเป็นความชอบส่วนบุคคล อย่าไปบังคับเขานะครับ

สำหรับคำถามแรกนั้น รสชาติของแท่งอ้อยผู้ชายนั้นฝาดๆ คาวๆ ไร้รสชาติยิ่งเฉพาะสาวๆ ที่ไม่เคย... อาจอ้วกได้ ผู้ชายจึงควรล้างหรือทำความสะอาดก่อนจะปล่อยลงปากผู้หญิงนะ

    มาต่อที่ข้อสงสัยว่ารสชาติของน้ำอสุจิผู้ชายนั้นเป็นอย่างไร ง่ายๆ ลองช่วยตัวเองพอมันแตกแตะเอาไปชิมดู ..โดยทั่วไปแล้วน้ำอสุจิของเราจะมีรสชาติแตกต่างกันขมฝาดซะเป็นส่วนใหญ่ แต่อาจมีรสชาติจืดหรือหวานก็ได้ แล้วแต่อาหารที่ทานเข้าไป


ฉะนั้น ถ้าต้องการให้รสชาติน้ำอสุจิของคุณมีรสชาติที่ผู้หญิงชอบ แน่นอนเลยต้องเลือกทานอาหารเอาครับ

 
     กาแฟ แอลกอฮอลล์ กัญชา เมื่อทานหรือเสพของพวกนี้เข้าไป น้ำอสุจิจะมีรสชาติขม

     ส่วนถ้าทานอาหารประเภทเนื้อ อย่างเนื้อวัว อาหารที่มีไขมัน ผลิตภัณฑ์จากนม ช็อกโกแลต หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี ผักขม กระเทียม หัวหอม รสชาติของน้ำอสุจิจะฝาดหรือขมหน่อยๆ

     แต่ถ้าอยากให้ผู้หญิงชื่นชอบรสชาติน้ำอสุจิของคุณ ให้ทานนี่เลย ผลไม้ เช่น สับปะรด มะม่วง องุ่น แอบเปิ้ล มะนาว ส่วนผัก เช่น ผักชีฝรั่ง ผักคื่นช่าย สมุนไพรตระกูลมิ้นท์กลิ่นหอม อาหารพวกนี้จะทำให้รสชาติออกหวาน


นอก จากนี้คนที่ชอบทานมังสวิรัติ รสชาติของน้ำอสุจิจะน่าลิ้มลอง เพราะรสและกลิ่นไม่แรง แต่จะรสชาติอ่อนนุ่ม เช่นเดียวกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน น้ำอสุจิก็จะหวานตาม

แต่อย่าเข้าใจ ว่ากระดกน้ำตาลน้ำหวานลงคอเดี๋ยวนี้แล้วน้ำอสุจิของคุณจะหวานขึ้นมาทันที ไม่ใช่หรอกนะ การปรับปรุงพฤติกรรมการทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่ สุดในการมีชีวิตเซ็กซ์ที่ถูกต้องมากกว่าที่จะไปเน้นทำให้น้ำอสุจิของคุณมีรส หวาน


 **งาน วิจัยของสหรัฐอเมริกาพบว่า การหลั่งน้ำอสุจิเข้าไปในช่องคลอด จะทำให้ช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้าในฝ่ายหญิงได้เนื่องจากในน้ำอสุจิของ ผู้ชายมีสารที่เรียกว่า prostaglandin สามารถดูดซึมได้ที่ผนังช่องคลอด

*** ปล. ถ้าหลังภายใน(แตกใน) ก็ป้องกันให้ดีก่อนนะจ้ะ ไม่งั้นอาจทำให้ท้องได้นะจ๊ะ

อสุจิมีสีเหลือง

อสุจิมีสีเหลือง



น้ำอสุจิที่เป็นสีเหลืองเพราะเป็นบัคของระบบปัสวะของเรา

       เวลาช่วยตัวเองแล้ว น้ำอสุจิมักมีสีเหลือง ก็มักมาร่วมกับการเก็บน้ำอสุจิไว้นานๆและมักมีกลิ่นฉุน สาดเหตุมาจาก เกิดการลัดวงจรของปัสสาวะ เช่นอั้นปัสสาวะบ่อยๆ น้ำปัสสาวะจะไหลย้อนไปเก็บรวมกับน้ำอสุจิซึ่งไม่ได้มีปริมาณมาก แค่นิดหน่อย และ การเก็บน้ำอสุจิไว้นานๆ โดยที่ร่างกายไม่ได้ขับถ่ายออกมาเอง หรือฝันเปียกเลยนั่นละครับ

วิธีแก้

ก็ปลดปล่อยมันซะบ้างอย่าเก็บกักไว้นานเกินไป

     วิธีแก้ก็ง่ายๆ  ออกกำลังกายบ่อยๆ และปลดปล่อยน้ำอสุจิซัก สัปดาห์ละ 2-3ครั้ง เว้นช่วงวัน หรือวันเว้นวันหรืออย่างน้อย 3วัน 1ครั้ง เพื่อให้ตัวอสุจิและน้ำอสุจิมีการผลิตตัวอ่อนใหม่อยู่เสมอๆ  แต่ไม่แนะนำให้ หมกมุ่น หรือช่วยตัวเองมากเกินไปเช่นวันละ 2-3ครั้งหรือมากกว่านั้น
    และที่สำคัญ เราควรกล้าที่จะปรึกษาแพทเพื่อจะได้พบอาการผิดปกติและรับการรักษาที่ถูกต้องด้วยนะครับ

อสุจิเป็นวุ้น

ทำไมอสุจิมีก้อนวุ้น

วุ้นใสๆที่ออกมาพร้อมกับเวลาหลั่งน้ำกาม ก็คือ รังของตัวอสุจิที่หมดอายุ

       ส่วนที่เวลาช่วยตัวเองแล้วมีวุ้นใสๆ เว้นๆ ปนออกมาก็หมายถึงว่า  เราอาจช่วยตัวเองไม่บ่อยเท่าไหร่ วุ้นที่เห็นไม่ได้เป็นอันตราย  เป็นการรวมตัวของสารประกอบจำพวกโปรตีนและ ฟรุ๊กโตส ส่วนใหญ่พบได้ในเวลา5-10วันขึ้นไป


วิธีแก้

ก็ปลดปล่อยมันซะบ้างอย่าเก็บกักไว้นานเกินไป

     วิธีแก้ก็ง่ายๆ  ออกกำลังกายบ่อยๆ และปลดปล่อยน้ำอสุจิซัก สัปดาห์ละ 2-3ครั้ง เว้นช่วงวัน หรือวันเว้นวันหรืออย่างน้อย 3วัน 1ครั้ง เพื่อให้ตัวอสุจิและน้ำอสุจิมีการผลิตตัวอ่อนใหม่อยู่เสมอๆ  แต่ไม่แนะนำให้ หมกมุ่น หรือช่วยตัวเองมากเกินไปเช่นวันละ 2-3ครั้งหรือมากกว่านั้น
    และที่สำคัญ เราควรกล้าที่จะปรึกษาแพทเพื่อจะได้พบอาการผิดปกติและรับการรักษาที่ถูกต้องด้วยนะครับ